ผู้คนสามารถใช้มือหรือนิ้วเพื่อสื่อความหมายหรือแสดงอารมณ์ผ่าน "สัญลักษณ์มือ" หรือใช้ร่างกายและสีหน้าโดยไม่ต้องใช้คำพูดผ่าน "ท่าทาง" ในการสื่อสารกับอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ท่าทางและสัญลักษณ์มือมีความแตกต่างกันไปตามภูมิภาคหรือพื้นที่ หากไม่ทราบความแตกต่างนี้ อาจทำให้เกิดความสับสนหรือประหลาดใจได้ ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงความหมายและวิธีการใช้ท่าทางและสัญลักษณ์มือที่คนญี่ปุ่นใช้บ่อย ๆ ค่ะ
Nov 29. 2024
แนะนำ 22 ท่าทางและสัญลักษณ์มือของญี่ปุ่น ความหมายแตกต่างจากประเทศอื่นหรือไม่?

(1) สัญลักษณ์ OK
1-1. ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งทำเป็นวงกลม

การทำวงกลมเล็ก ๆ ด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งในญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อยืนยันหรือแสดงว่าเห็นด้วยกับความคิดเห็นหรือข้อเสนอของอีกฝ่าย เช่น ถ้ามีคนถามว่า "ทำแบบนี้ได้ไหม?" คุณสามารถตอบว่า "OK" หรือ "ไม่เป็นไร" พร้อมกับทำสัญลักษณ์นี้ได้ อย่างไรก็ตาม สัญลักษณ์นี้ไม่ควรใช้กับผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าหรือต่อสาธารณชน
1-2. ยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วทำวงกลม

การยกมือทั้งสองข้างขึ้นและทำเป็นวงกลมเหนือศีรษะก็หมายถึง "OK" เช่นกัน คุณสามารถใช้ท่านี้ได้เมื่อต้องการสื่อสารกับคนที่อยู่ไกลและไม่สามารถตะโกนให้ได้ยินได้
1-3. เครื่องหมายวงกลมในคำตอบที่ถูกต้อง

ถึงแม้ว่าในต่างประเทศอาจใช้เครื่องหมาย "✓" เพื่อแสดงว่าคำตอบถูกต้อง แต่ในญี่ปุ่นจะใช้เครื่องหมาย "〇" สำหรับคำตอบที่ถูกต้อง และเครื่องหมาย "✕" สำหรับคำตอบที่ผิด นอกจากนี้ ในกรณีที่คำตอบถูกต้องบางส่วนก็อาจใช้เครื่องหมาย "△" ในญี่ปุ่นเครื่องหมาย "〇" หมายถึงสิ่งที่สมบูรณ์หรือเป็นบวก ในขณะที่ "✕" หมายถึงข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาด หรือการกำจัด
1-4. พยักหน้า
การพยักหน้าเป็นการแสดงความเห็นด้วยหรือต้องการบอกว่าเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด โดยมักจะพยักหน้าพร้อมพูดว่า "อื้ม" หรือ "ใช่ ใช่" หรือ "คิดเหมือนกันเลย" เพื่อเสริมให้เข้าใจชัดเจนขึ้น
(2) สัญลักษณ์และท่าทางการปฏิเสธ
2-1. โบกมือไปมาในแนวขวางหน้าตัวเอง
เมื่อต้องการปฏิเสธ การโบกมือไปมาข้างหน้าตัวเองเป็นวิธีบอกว่า "ไม่ใช่" โดยมักพูดว่า "ไม่ค่ะ/ครับ" หรือ "ไม่ใช่อย่างนั้น (ปฏิเสธอย่างแรง)" ไปพร้อมกันด้วย
2-2. ทำมือเป็นเครื่องหมายกากบาท

การทำเครื่องหมายกากบาทขนาดใหญ่ด้วยมือสองข้างหน้าตัวเองเป็นสัญลักษณ์ที่ตรงข้ามกับ "ยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วทำวงกลม" ที่ได้แนะนำไปเมื่อก่อนหน้านี้ค่ะ สัญลักษณ์นี้เป็นวิธีการแสดงการปฏิเสธอย่างชัดเจนโดยเฉพาะเมื่อต้องการบอกว่า "ไม่" กับคนที่อยู่ไกล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนจะมีอิทธิพลที่รุนแรง ดังนั้นจึงไม่ควรใช้กับผู้ใหญ่หรือในสถานการณ์ที่เป็นทางการ
2-3. ส่ายหน้า

การส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธที่หมายความว่า "ไม่" ยิ่งส่ายหัวแรงเท่าไรก็หมายถึงการปฏิเสธอย่างชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
2-4. เวลาไม่แน่ใจให้เอียงคอ 45 องศา

คุณสามารถเอียงคอเมื่อถูกถามคำถามและต้องตอบโดยทันทีหรือ "ไม่เข้าใจ" ถึงแม้ว่าจะลองคิดดูแล้ว ท่าทางนี้จะแสดงถึงความไม่แน่ใจหรือเมื่อต้องการแสดงว่าไม่ทราบได้ นอกจากนี้ มักพูดว่า "อืม" หรือ "ยังไม่แน่ใจ" พร้อมกับท่าทางนี้และ บางทีก็กอดอกด้วย
(3) สัญลักษณ์มือที่เกี่ยวกับเงินหรือการชำระเงิน
3-1. ไขว้นิ้วชี้สองข้างเป็นเครื่องหมายกากบาทเล็ก ๆ

ท่าทางนี้มักถูกใช้ในร้านอาหาร "เมื่อต้องการเรียกเก็บเงิน" โดยทำเครื่องหมายกากบาทเล็ก ๆ ด้วยนิ้วชี้ทั้งสองข้าง และพูดว่า "คิดเงินด้วยค่ะ/ครับ" โดยไม่รบกวนคนรอบข้าง มักใช้โดยผู้สูงอายุ และเป็นวิธีการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการ
3-2. ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ทำวงกลม
การทำวงกลมด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้พร้อมหันฝ่ามือขึ้น หมายถึง "เงิน" ซึ่งมักใช้ในบทสนทนาเกี่ยวกับเงิน เช่น "ลงทุนเล่นหุ้นได้เงินมาเยอะ" หรือ "สร้างบ้านต้องใช้เงินมาก" ท่าทางนี้จะใช้เมื่อไม่ต้องการให้คนรอบข้างได้ยินก็คุยเรื่องอะไรกันอยู่
(4) ท่าทางที่ใช้ในการโต้ตอบกับผู้อื่น
4-1. กวักมือ

"การกวักมือ" เพื่อเรียกให้ "มาทางนี้" มักใช้เมื่อต้องการเรียกคนที่อยู่ห่างออกไป ท่าทางนี้จะหันฝ่ามือลงแล้วขยับข้อมือขึ้นลง หรืออาจทำด้วยการหันฝ่ามือขึ้นและใช้นิ้วชี้กวักเข้าหาตัวเอง แต่ท่านี้จะไม่ใช้กับผู้ที่มีอาวุโสกว่า ในทางกลับกัน หากต้องการบอกให้ไปไกล ๆ จะหงายหลังมือขึ้นแล้วปัดออกไป ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของมือจะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่มีความหมายต่างกันอย่างชัดเจน
4-2. ชี้นิ้วที่หน้าตัวเองหรือหน้าอก

เมื่อคุณต้องการพูดถึงตัวเองในการสนทนา มักจะใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่จมูก ใบหน้า หรือหน้าอกของตนเอง ในทางกลับกัน หากต้องการชี้ไปที่อีกฝ่าย มักจะชี้ไปที่จมูก ใบหน้า หรือหน้าอกของอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม การชี้นิ้วไปที่คนอื่นอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี โดยเฉพาะในที่สาธารณะหรือเมื่อพูดคุยกับผู้ที่มีอาวุโสกว่า ดังนั้น การชี้นิ้วมักจะใช้ในบทสนทนาที่เป็นกันเองระหว่างเพื่อนมากกว่า
(5) ท่าทางที่ใช้เวลาเดิน
5-1. ยกมือขึ้นตอนกำลังข้ามถนน

เมื่อเด็ก ๆ ข้ามถนนที่มีเครื่องหมายคนข้ามหรือทางม้าลาย พวกเขาจะยกมือขึ้นเพื่อบอกให้คนขับรถทราบว่า "กำลังจะข้าม" หรือ "กำลังข้ามอยู่" อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร ในทางกลับกัน ผู้ใหญ่จะไม่ยกมือขึ้น แต่จะ "มองตาคนขับและพยักหน้าเล็กน้อย" เพื่อส่งสัญญาณว่า "กำลังจะข้าม" หรืออาจยกมือขึ้นเล็กน้อยและก็ลดมือขณะข้ามถนน
นอกจากนี้ คนขับรถอาจยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อสื่อความหมายว่า "เชิญข้ามได้เลย" เพื่อให้คนที่ข้ามถนนรู้สึกปลอดภัยในการข้ามถนน ในเดือนเมษายน 2021 มีการปรับปรุง "หลักการจราจร" โดยระบุว่า "เมื่อข้ามถนน ควรยกมือขึ้นหรือทำสัญญาณเพื่อแจ้งเจตนาในการข้ามถนนให้กับคนขับทราบ" เป็นการปรับปรุงในรอบ 43 ปี
5-2. การทำท่าทางขณะเดินผ่านระหว่างคนอื่น
เมื่อคุณต้องเดินผ่านระหว่างผู้คนหรือเมื่ออยู่ในฝูงชน บางครั้งคุณอาจยกมือข้างหนึ่งขึ้นออกห่างจากร่างกายเล็กน้อย และขยับขึ้นลงเล็กน้อยหลาย ๆ ครั้ง การเคลื่อนไหวนี้เรียกว่า "ท่าตัดมือมีด" ซึ่งเป็นท่าทางที่นักมวยปล้ำซูโม่ใช้เมื่อพวกเขาได้รับรางวัลหลังจากการแข่งขันเช่นกัน การเดินผ่านผู้อื่นถือว่าเป็นการเสียมารยาท ดังนั้นท่าทางนี้จึงถูกใช้เพื่อแสดงความเคารพ นอกจากนี้ ยังใช้เมื่อคุณต้องการขอโทษหรือแสดงความ "ขอโทษ" ในสถานการณ์ที่ไม่สะดวกจะพูดได้อีกด้วย ท่าทางนี้จะช่วยสร้างความประทับใจที่ดีให้กับคนอื่นได้
(6) ท่าทางที่ใช้เวลาถ่ายรูป
6-1. ชูสองนิ้ว

เมื่อถ่ายภาพ ผู้ถ่ายมักจะพูดว่า "ไฮ ชีส" ทำให้คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นในท่าทาง "ชูสองนิ้ว" (Peace sign) โดยธรรมชาติ ท่าทางนี้อาจใช้มือเดียวหรือสองมือก็ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเอามือที่ทำสัญลักษณ์นี้ขึ้นไปไว้บนศีรษะเพื่อสร้าง "หูแมว" ได้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการประยุกต์ใช้สัญลักษณ์นี้เป็นท่าทางต่างๆ เช่น "ชูสองนิ้วกลับด้าน" (Ura Peace) หรือ "ชูสองนิ้วที่คาง" (Ago Peace)
6-2. ชูนิ้วโป้ง

การยกนิ้วโป้งขึ้นเป็นการแสดงถึงความเห็นด้วยและกล่าวว่า "ดีมาก!" โดยยังเป็นท่าที่ใช้เวลาถ่ายภาพได้ด้วย
6-3. ทำมือรูปหัวใจด้วยมือสองข้าง

การใช้สองมือทำเป็นหัวใจเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่สาว ๆ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างหัวใจโดยให้แต่ละคนทำครึ่งหนึ่งของหัวใจแล้วถ่ายภาพร่วมกันอีกด้วย
(7) ท่าที่ทำไม่ได้เป็นอันขาด
7-1. การชี้คนด้วยนิ้ว

การชี้นิ้วไปยังผู้อื่นหรือสิ่งของพร้อมกับพูดว่า "นั่น" หรือ "นี่" เป็นการกระทำที่ทำให้ฝ่ายที่ถูกชี้รู้สึกไม่ดี ถ้าจำเป็นต้องชี้ไปที่สิ่งของหรือคนจริงๆ ควรจัดเรียงนิ้วมือให้เรียบร้อยและหงายฝ่ามือขึ้น ใช้ทั้งมือแทนที่จะใช้นิ้วชี้นิ้วเดียวเพื่อให้ดูสุภาพมากขึ้น
7-2. การยกนิ้วกลาง
ใช้แสดงถึงความโกรธ ความดูถูก หรือการดูหมิ่น และทำให้ผู้ถูกทำท่าทางนี้ใส่รู้สึกไม่ดีอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ควรใช้โดยเด็ดขาด เคยมีกรณีที่แฟนบอลยกนิ้วกลางในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลและถูกห้ามเข้าชมตลอดชีวิต
7-3 ชี้นิ้วโป้งลง
สัญลักษณ์นี้แสดงถึงการดูหมิ่นอย่างรุนแรง เช่น "ตกนรก" และเป็นท่าทางที่ถูกห้ามในเกือบทุกประเทศรวมถึงญี่ปุ่นด้วย สัญลักษณ์ "ชี้นิ้วโป้งลง" นี้มีความหมายตรงข้ามกับ "ยกนิ้วโป้งให้" โดยมักจะถูกใช้เมื่อทำการโห่เวลาไปชมกีฬา
(8) วิธีการนับจำนวน
มีสองวิธีในการนับคือ “วิธีการพับนิ้วจากมือที่เปิดอยู่ โดยเริ่มจากนิ้วหัวแม่มือ (A)” และ “วิธีการยกนิ้วจากมือที่กำอยู่จากนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางตามลำดับ (B)”
(A) วิธีการพับนิ้วจากมือที่แบอยู่
1. แบมือทั้งสองข้าง แล้วพับนิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่ง
2. หุบนิ้วชี้เพื่อนับ 1
3. หุบนิ้วกลางด้วยเพื่อนับ 2
4. หุบนิ้วนางด้วยเพื่อนับ 3
5. พับนิ้วทั้ง 5 นิ้วของมือข้างนั้นทั้งหมด
6. รักษาท่าทาง "5" เอาไว้ และพับนิ้วหัวแม่มือของมืออีกข้างหนึ่ง
7. หุบนิ้วชี้ของมืออีกข้างเพื่อนับ 6
8. หุบนิ้วกลางของมืออีกข้างเพื่อนับ 7
9. หุบนิ้วกลางของมืออีกข้างเพื่อนับ 8
10. เพิ่มนิ้วก้อยของมืออีกข้างเพื่อนับ 9
(B) วิธีการยกนิ้วจากมือที่กำอยู่จากนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางตามลำดับ
1. กำมือทั้งสองข้างและยกนิ้วชี้ของมือข้างหนึ่งขึ้น
2. ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นตรงเหมือนการทำสัญลักษณ์ชูสองนิ้ว
3. ยกนิ้วนางขึ้น
4. ยกนิ้วก้อยขึ้น
5. ยกนิ้วทั้ง 5 ของมือข้างนั้นขึ้น
6. รักษาท่าทาง "5" เอาไว้ และยกนิ้วชี้ของมืออีกข้างขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือของมือที่ยกนิ้วหมดแล้ว
7. ยกนิ้วกลางขึ้น
8. ยกนิ้วนางขึ้น
9. ยกนิ้วก้อยขึ้น
10. ยกทั้งสิบนิ้วของทั้งสองมือขึ้น
บทความนี้ได้แนะนำสัญลักษณ์และท่าทางที่คนญี่ปุ่นมักใช้ไปแล้วค่ะ คุณคิดอย่างไรบ้างคะ? ท่าทางบางอย่างอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี ดังนั้น ควรใช้ด้วยความระมัดระวังด้วยนะคะ!