[วัฒนธรรมญี่ปุ่น] รู้หรือไม่? กฎระเบียบในการเพลิดเพลินกับออนเซ็นในญี่ปุ่น

เนื่องจากญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเขตรอยเลื่อนของแผ่นทวีปและมีภูเขาไฟหลายแห่ง ทำให้ที่นี่มีออนเซ็นจำนวนมากค่ะ ในปี ค.ศ. 2022 กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นได้ประกาศว่าญี่ปุ่นมีเมืองออนเซ็นกว่า 2,900 แห่ง และมีแหล่งออนเซ็นทั้งหมดกว่า 28,000 แห่ง ทำให้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีออนเซ็นเกือบทุกที่เลยค่ะ

มีตำนานเล่าว่าเทพเจ้าและสัตว์ต่างๆ มาแช่ออนเซ็นเพื่อรักษาบาดแผล และยังมีบันทึกจำนวนมากที่เขียนว่าขุนศึกสมัยเซ็นโกคุไปแช่ออนเซ็นเพื่อรักษาตัวอีกด้วย ดังนั้น จึงเกิด "วัฒนธรรมโทจิ" ค่ะ

"โทจิ" คือ การบำบัดรักษาด้วยออนเซ็นที่ปกติจะใช้เวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ กล่าวกันว่าออนเซ็นสามารถป้องกันโรคบางชนิดได้ขึ้นอยู่กับว่าออนเซ็นนั้นๆ มีแร่ธาตุอะไรค่ะ หลังจากที่วิธีการบำบัดแบบ "โทจิ" เริ่มเป็นที่นิยมในสมัยเอโดะ เกษตรกรก็ได้ใช้วิธีนี้เพื่อคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งปีในช่วงเวลาที่ไม่มีการทำการเกษตรกันค่ะ

ในสมัยเมจิ มีการวิจัยทางการแพทย์ที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพของออนเซ็น ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการออนเซ็นเพิ่มมากขึ้น และในปัจจุบันเมื่อพูดถึงการพักผ่อนและความบันเทิงก็ต้องนึกถึงออนเซ็นค่ะ

สีและกลิ่นของออนเซ็นจะแตกต่างกันไปตามแร่ธาตุค่ะ สมาคมออนเซ็นแห่งประเทศญี่ปุ่นได้จำแนกประเภทออนเซ็นของญี่ปุ่นออกเป็น 10 ประเภทตามแร่ธาตุดังต่อไปนี้ค่ะ

1.น้ำพุร้อนธรรมดา เช่น เกโระออนเซ็น (จังหวัดกิฟุ)
2.น้ำพุร้อนคลอไรด์ เช่น อาตามิออนเซ็น (จังหวัดชิซุโอกะ)
3.น้ำพุร้อนคาร์บอเนต เช่น คาวายุออนเซ็น (จังหวัดวาคายามะ)
4.น้ำพุร้อนซัลเฟต เช่น โฮชิออนเซ็น (จังหวัดกุนมะ)
5.น้ำพุร้อนคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น ฮิจิโอริออนเซ็น (จังหวัดยามากาตะ)
6.น้ำพุร้อนแร่เหล็ก เช่น อาริมะออนเซ็น (จังหวัดเฮียวโงะ)
7.น้ำพุร้อนกรด เช่น ทามากาวะออนเซ็น (จังหวัดอาคิตะ)
8.น้ำพุร้อนผสมไอโอดีน เช่น มาเอะโนะฮาระออนเซ็น (กรุงโตเกียว)
9.น้ำพุร้อนกำมะถัน เช่น นิกโกยุโมโตะออนเซ็น (จังหวัดโทจิงิ)
10.น้ำพุร้อนกัมมันตรังสี เช่น มิสาสะออนเซ็น (จังหวัดทตโตริ)

มีผู้คนจำนวนมากเลือกทริปเที่ยวออนเซ็น เพื่อเพลิดเพลินไปกับออนเซ็นค่ะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากออนเซ็นหลายแห่งในญี่ปุ่นตั้งอยู่ในภูเขาซึ่งเดินทางไม่ค่อยสะดวก ดังนั้น หากคุณจะไปเยี่ยมชมแหล่งออนเซ็น ควรพักค้างคืนเพื่อเพลิดเพลินไปกับออนเซ็นอย่างสบายๆ ค่ะ ที่พักส่วนใหญ่ในแหล่งออนเซ็นจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม (เรียวกัง) หรือโรงแรมหรู ซึ่งไม่ว่าจะเป็นที่พักแบบไหนก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แพงค่ะ นอกจากนี้ เนื่องจากจะไม่ค่อยมีร้านอาหารเปิดให้บริการในบริเวณแหล่งออนเซ็นหลังพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาเยือนแหล่งออนเซ็นจะเลือกแผนการเข้าพักแบบหนึ่งคืนพร้อมอาหารสองมื้อค่ะ ถึงแม้ว่าโดยปกติแผนการเข้าพักแบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 10,000 เยนขึ้นไปต่อคน แต่คุณก็จะได้รับการบริการที่เหมาะสมกับราคาที่จ่ายไปค่ะ

หากคุณต้องการแช่ออนเซ็นแต่ไม่ได้วางแผนที่จะเข้าพักแรม เราขอแนะนำออนเซ็นแบบไปกลับซึ่งคุณสามารถใช้บริการออนเซ็นได้ในราคาครั้งละประมาณ 500-1,000 เยนค่ะ อย่างไรก็ตาม เรียวกังบางแหล่งอาจมีการจำกัดเวลาการใช้งาน หรือไม่รับนักท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับค่ะ ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลล่วงหน้าก่อนนะคะ

ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงนี้ยังมีสถานที่ซึ่งให้บริการออนเซ็นภายในเขตเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ อย่างไรก็ตาม สถานที่เหล่านี้จะเป็นเหมือนโรงอาบน้ำสาธารณะเพื่อความบันเทิงซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร บริการนวด มุมอ่านนิตยสาร/การ์ตูน และห้องพักผ่อน คุณจึงสามารถเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวันค่ะ นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเนื่องจากค่าเข้าสถานที่เหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 เยน (ไม่รวมอาหาร) คุ้มราคาสุดๆ เลยค่ะ

กฎในการแช่ออนเซ็นจะเหมือนกันทุกที่ไม่ว่าคุณจะไปแหล่งออนเซ็นไหนหรืออ่างขนาดใหญ่แค่ไหนก็ตามค่ะ

1.กรุณาหลีกเลี่ยงการอาบน้ำก่อนอาหาร หลังอาหาร และทันทีหลังจากที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากคุณจะอาบน้ำก่อนอาหาร กรุณากินขนมรองท้องก่อนเพื่อไม่ให้ท้องว่าง
2.สำหรับผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือในการเคลื่อนที่ กรุณาหลีกเลี่ยงการอาบน้ำคนเดียว และกรุณาอย่าวิ่งในโรงอาบน้ำซึ่งพื้นลื่น
3.ก่อนลงแช่ออนเซ็น กรุณาชำระล้างร่างกายให้สะอาดด้วยสบู่ก่อน
4.ก่อนลงแช่ออนเซ็น กรุณาตรวจสอบอุณหภูมิของออนเซ็นด้วยผิวของคุณด้วยน้ำออนเซ็นปริมาณน้อยก่อนลงไปแช่
5.เมื่อลงไปแช่ออนเซ็นหรือเวลาออกจากอ่างอาบน้ำ กรุณาอย่าส่งเสียงดัง
6.กรุณาอย่านำผ้าเช็ดตัวเข้าไปในอ่างอาบน้ำ
7.ไม่จำเป็นต้องชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเปล่าหลังแช่ออนเซ็น (ยกเว้นกรณีที่คุณมีผิวแพ้ง่าย)
8.กรุณาดื่มน้ำเยอะๆ หลังจากแช่ออนเซ็นเสร็จแล้ว

คำตอบ คือ สามารถแช่ได้ค่ะ แต่คุณจะไม่สามารถไปใช้อ่างอาบน้ำสาธารณะที่แช่รวมกันหลายคนได้ กรุณาใช้บริการ "ห้องส่วนตัวแบบเหมา" แทนค่ะ

ถึงแม้ว่าในญี่ปุ่นจะไม่มีกฎหมายที่ห้ามผู้ที่มีรอยสักลงแช่ออนเซ็นอย่างชัดเจนก็ตาม แต่ในปัจจุบันคนญี่ปุ่นบางคนยังคงมีความฝังใจว่า "คนไม่ดีจะมีรอยสัก" ค่ะ ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ทางเรียวกังและโรงแรมบางแห่งที่มีอ่างออนเซ็นขนาดใหญ่ซึ่งสามารถแช่ร่วมกันได้จึงไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีรอยสักเข้าใช้บริการค่ะ

หากผู้ที่มีรอยสักต้องการจะแช่ออนเซ็น จะต้องเช่า "ห้องส่วนตัวแบบเหมา" ซึ่งจะไม่มีคนอื่นเข้ามาใช้นอกจากคุณเองและคนที่เดินทางมากับคุณค่ะ หากทำเช่นนี้ คุณก็จะไม่ถูกปฏิเสธการเข้าแช่ออนเซ็นแน่นอนค่ะ

สถานที่อำนวยความสะดวกที่มีออนเซ็นต่างๆ ก็ห้ามผู้มีรอยสักเข้าไปแช่ค่ะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และผู้ที่มีรอยสักขนาดเล็กบนร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้มีสถานที่จำนวนมากที่ให้สติกเกอร์สีผิวเพื่อแปะซ่อนรอยสักค่ะ