พาเที่ยวเมือง OBIHIRO แพลนเที่ยวฮอกไกโด โอบิฮิโระ โทคาจิ 2 วัน 1 คืน เที่ยวสุดคุ้มกับแอพพลิเคชั่นดีๆ พร้อมร้านอาหารขึ้นชื่อของเมือง

เมืองโอบิฮิโระ Obihiro เป็นเมืองเล็กๆ ส่วนนึงของเมืองโทคาจิตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของจังหวัดฮอกไกโด เป็นเมืองที่มีอากาศหนาวเย็นมาก ครั้งที่ได้ไปเยี่ยมชมเมืองนี้ แม้ว่าอากาศจะแจ่มใส หิมะไม่ตก แต่ก็มีอุณหภูมิต่ำสุด ติดลบ15 องศาในตอนเช้า เรียกได้ว่าหากท่านต้องการสัมผัสความหนาวเย็นแบบสุดๆ แล้วละก็ เมืองโอบิฮิโระก็ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

ยิ่งใช้แอพพลิเคชั่น ยิ่งได้โปรโมชั่น “วิธีใช้ HORAI แอพลิเคชั่น”

วิวระหว่างการเดินทางไปโอบิฮิโระ

ครั้งนี้เราเลือกการเดินทางด้วยรถบัส Tokachi Milky liner จากสนามบินชิโทเสะ โดยจองผ่านแอพลิเคชั่น Horai เพียงแค่ทำการโหลดแอพมา ก็สามารถซื้อตั๋วได้ และหากมีบัตรเครดิตของ JCB ก็จะได้ส่วนลดเพิ่มในร้านอาหารที่ร่วมรายการกับแอพนี้อีกด้วย

ในช่วงระหว่าง 1 กพ 2023 ถึง 30 มิย. 2023 หากใช้แอพฯ สำหรับการซื้อตั๋วรถบัส “โทคาจิโอ บิฮิโระบัส ทาบิคิปปุ” (Tokachi Obihiro Tabikippu) จะได้โปรโมชั่นจากร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมรายการ เพียงมองหาแผ่นสำหรับแสกนที่ร้าน จากนั้นก็เลือกการชำระเงินโดยใช้บัตร JCB หรือแค่โชว์บัตร JCB ก็จะได้รับส่วนลดจากทางร้าน

หลังจากที่เดินทางไปท่องเที่ยว แวะดื่มและทานอาหารกันแล้ว ร้านที่ทางเรากล่าวมาสามารถสะสม “คูปองสะสมแสตมป์” ของแอพ Horai ด้วย เพียงแค่ตอนไปจ่ายเงินให้ใช้บัตรของ JCB card และขอทางร้านสแกนสะสมแสตมป์ไว้ได้ ซึ่งแต่ละร้านจะมีโปรโมชั่นและของรางวัลให้ (โปรโมชั่นของแต่ละร้านอาจจะไม่เหมือนกันโปรดสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนชำระเงิน) หากสะสมได้ 3 อัน จะสามารถนำไปแลกคราฟเบียร์ได้ที่โรงแรม Nupka Hotel การแลกก็เพียงโชว์แสตมป์ที่สะสมมา และสแกนรับคราฟเบียร์ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ทดลองดื่มเบียร์ของท้องถิ่นแล้วค่ะ

ไปใช้งานแอพลิเคชั่น Horai กันเลย!

เราจองตั๋วแบบ ไป-กลับ โอบิฮิโระ-ชิโทเสะ ด้วยราคา 5500 เยน หลังจากที่จองตั๋วในแอพแล้ว จะได้รับอีเมลมาเพื่อเลือกเวลาที่เราต้องการที่จะขึ้นรถบัส หลังจากเราเลือกเวลาสำหรับขึ้นรถแล้วจะมีอีเมลคอนเฟริม์มาอีกครั้ง ให้เราเก็บอีเมลนี้ไว้ให้ดี เพราะจำเป็นที่จะต้องใช้ตอนขึ้นรถบัส

จากนั้นเมื่อเรา เดินทางมาถึงที่สนามบินชิโทเสะแล้ว ให้ไปที่เค้าท์เตอร์รถบัสที่อยู่ตรงทางออกที่ 2 เมื่อไปถึงแล้วให้แจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการเดินทาง จากนั้นก็ไปรอขึ้นรถที่ป้ายก่อนเวลารถออกประมาณ 5 นาที เมื่อรถบัสมาถึงทางเจ้าหน้าที่จะขอดูเอกสารยืนยันการจองของเราก็ให้นำอีเมลยืนยันการจองให้พนักงานดู เพียงเท่านี้ก็สามารถขึ้นรถได้เลย เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น แนะนำให้ปริ้น หรือแคปหน้าจอใบเสร็จรับเงินเอาไว้ให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย

ทั้งนี้หากไม่ได้ทำการจองมาก่อนล่วงหน้า ก็สามารถมาเช็คเวลากับที่ว่างเพื่อซื้อตั๋วที่หน้าเค้าท์เตอร์ได้เช่นกัน

การเดินทางโดยรถบัสนั้นใช้เวลาราว 3 ชม.ครึ่ง เบาะที่นั่งเป็นแบบที่นั่งเดี่ยว ปรับเอนหลังได้ มีที่รองขาสำหรับนอน มี Internet wifi ฟรีบนรถบัสให้ และยังมีช่องเสียบสาย USB ที่อยู่ข้างเบาะนั่งด้วย เรียกได้ว่าเป็น 3 ชม.ครึ่งที่เราสามารถชื่นชมบรรยากาศข้างทางที่สวยงามแบบสบายๆ หรือหากอยากที่จะพักผ่อนเล่นอินเตอร์เนตเพลินๆ ระหว่างทางก็ทำได้เช่นกัน

ระหว่างทาง วิวของเมืองนี้ที่สวยงามก็คือภูเขาโทคาจิดะเกะ Tokachidake เป็นเทือกเขายาวสวยงาม หากไปในฤดูหนาวก็จะได้เห็นหิมะอยู่บนเขา พื้นที่ท้องนาราบเรียบที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวสะอาดสวยงามมาก

ไปเช็คอินที่โรงแรม หรูดูดี มีสไตล์แห่งเมืองโอบิฮิโระ “โรงแรม Hotel Nupka”

เมื่อเดินทางไปถึงที่สถานีรถบัส “โอบิฮิโระ” เราก็เดินจากสถานีไปที่โรงแรม Nupka hotel เป็นโรงแรมออกแบบสไตล์มินิมอล เรียบง่ายสะอาดตา เดินจากสถานีเพียง 5 นาทีเท่านั้น มีห้องพักรวมแบบ Dormitory สำหรับชายล้วน และหญิงล้วนหรือหากต้องการพักแบบส่วนตัวก็เลือกห้องพักแบบปกติได้ ซึ่งจะมีอีกอาคารอีกหลังเรียกว่า Hanare จะห่างออกไปจากโรงแรมหลักเพียง 3 นาที

บาร์ที่จะคึกคักในยามค่ำคืน

ที่บาร์มีคราฟเบียร์ให้เลือกมากมาย

โรงแรมนุปกะ Hotel Nupka เป็นโรงแรมที่ทางผู้สร้างมีแนวคิดที่ต้องการให้โรงแรมนี้เป็น “ศูนย์รวมการติดต่อสื่อสารกันของคนในชุมชน” ดังนั้นจึงมีห้องพักแบบรวม และมีล๊อบบี้ ห้องทานอาหาร ที่สามารถมาใช้งานได้ตลอดเวลา บรรยากาศการตกแต่งของโรงแรมเป็นแบบสมัยใหม่ ในส่วนของตึก Hanare นั้นด้านล่างจะมีโซนล๊อบบี้อเนกประสงค์ มีห้องสำหรับทำงานส่วนตัว และที่สำคัญคือส่วนนี้ประตูล๊อบบี้ส่วนนี้จะเปิดตลอดในช่วงเวลาทำการ ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าไปใช้งานได้ การที่ทางโรงแรมทำแบบนี้ก็เพื่อให้สถานที่นี้เป็นศูนย์รวมของคนในชุมชนนันเอง ห้องพักสำหรับตึก Hanare นั้นจะมีทั้งห้องพักเดี่ยว พักคู่ และแบบครอบครัวก็สามารถเข้าพักได้ ห้องจะมีหลายแบบ ที่นอนเสริมแบบเตียงโซฟาก็มีให้บริการ ห้องพักจัดตกแต่งแบบโมเดิรน์ สวย สะอาดตาน่าจะถูกใจหลายๆ คนที่ชื่นชอบสไตล์นี้

ภายในห้องพักมีอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น อ่างอาบน้ำ ยาสระผม เครื่องกรองอากาศ ส่วนด้านนอกห้องก็มีน้ำดื่ม น้ำร้อน เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และที่น่าสนใจก็คือทีวีของที่นี่จะสามารถเชื่อมต่อกับมือถือของเราได้ เราสามารถดูยูทูป หรือ Netflix ได้โดยตรง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลยทีเดียว ที่ด้านล่างส่วนของล้อบบี้จะมีข้อมูลการท่องเที่ยวของเมืองโอบิฮิโระ เส้นทางการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน หรืออาหารที่ขึ้นชื่อ ร้านดังๆ ต่างๆ สามารถเช็คจากที่นี่ได้ หรือสอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้เลย

Kita No Yatai ตรอกแผงลอยของคนเหนือ

แหล่งรวมร้านดื่มเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองนี้ ร้านอาหารขนาดเล็กจะเรียงรายกันทั้งตรอก มีอาหารหลากหลายรูปแบบให้เลือกทานเลือกดื่มกิน การได้นั่งกินอาหารที่ร้านสไตล์นี้จะให้ความรู้สึกของการเข้าถึงชุมชนอย่างแท้จริง ลักษณะของร้านจะเป็นร้านเล็กๆ ด้านในนั่งได้ประมาณ 6-7 คน ในช่วงฤดูร้อนจะนั่งด้านนอกได้ด้วย

ร้านแรกที่ไปชื่อร้าน “โคฮิซึจิ” เมนูขึ้นชื่อก็คือ “เนื้อแกะดิบ” เป็นการใช้เนื้อแกะดิบมาย่างเพียงด้านนอก แต่เนื้อด้านในจะยังนุ่มและดิบอยู่ ทานกับน้ำจิ้มที่มีรสชาติออกเปรี้ยวๆ ต้องบอกเลยว่า “อร่อยมากๆ “ ทั้งนี้ร้านนี้ยังมีเนื้อม้าดิบที่ขึ้นชื่ออีกด้วย หากได้ไปตรอกแผงลอยนี้แล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะลองทางเนื้อแกะ หรือเนื้อม้าดิบดูสักครั้ง

นอกจากนี้เรายังได้รับการแนะนำจากเจ้าของร้านว่ามีเมนูมันฝรั่งทอดที่ฟังดูอาจจะเป็นเมนูที่ธรรมดา แต่มันฝรั่งที่นำมาใช้ทอดนั้นเป็นมันฝรั่งจากสวนชื่อดังของคนในพื้นที่ ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่จะมีแค่ตามร้านอาหารเท่านั้น การทานนั้นแนะนำให้ลองทานแบบไม่จิ้มอะไรก่อน จากนั้นลองจิ้มมัสตาร์ด หรือเนยดู ว่าคุณจะชอบแบบไหน ส่วนตัวผู้เขียนนั้นชอบแบบทานแบบไม่จิ้มอะไรเลย เพราะรสชาติที่หวานของมันฝรั่งนั้นอร่อยอยู่แล้ว ยิ่งทานตอนที่เพิ่งทอดใหม่ๆ กรอบนอกนุ่มในนั้น มันช่างดีจริงๆ

ร้านนี้ก็ใช้แอพของ Horai ได้เหมือนกันค่ะ โดยร้านนี้จะได้ส่วนลด 500 เยน

ร้านที่สองเป็นร้านชื่อว่า “เอนจิ้น” Engine เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องเมนูเนื้อกวาง Yezo เนื้อหมีและหมูป่า ซึ่งการที่จะนำเนื้อสัตว์ป่าเหล่านี้มาขายได้จะต้องซื้อเนื้อจากผู้ที่มีใบอนุญาติในการล่าสัตว์เท่านั้น เมนูเนื้อกวางดิบกับวาซาบิจากป่าธรรมชาติ (วาซาบิจากป่าธรรมชาติจะมีสีครีม ไม่ใช่สีเขียว) มีรสชาติที่กลมกล่อม และทางร้านก็แนะนำไวน์ของท้องถิ่นให้ดื่มร่วมกันจะทำให้เพิ่มอรรถรสในการทานเพิ่มไปอีก ร้านนี้ก็เช่นกัน ใช้แอพของ Horai ได้เหมือนกันค่ะ โดยร้านนี้จะได้ส่วนลด 500 เยนค่ะ

ร้านที่สามเป็นร้านเนื้อย่าง โทคาจิ นิคุ ซาคาบะ ซันโซว Tokachi niku sakaba sanzou

บรรยากาศของร้านจะเป็นแบบญี่ปุ่น มีเหล้าให้เราได้กดดื่มเอง ร้านนี้มีเมนูแนะนำคือเนื้อวัว และลิ้นวัว ที่ที่มีขนาดใหญ่ เนื้อนุ่ม เมื่อย่างแล้วหอมอร่อยมากๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่ลิ้นอย่างเดียวที่อร่อย อีกอย่างที่น่าสนใจก็คือ “ดื่มไม่อั้น” เป็นการเลือกดื่มวิสกี้หรือเลม่อนซาวว่า ที่เราสามารถจะกดดื่มได้ด้วยตัวเอง แล้วทางร้านจะเตรียมน้ำแข็งและโซดามาให้ ในเวลา 1ชม. จะดื่มเท่าไรก็ได้เลย แถมที่กดเหล้าก็อยู่ข้างๆ โต๊ะ น่าจะถูกใจนักท่องเที่ยวที่รักการดื่มมากๆ

โปรโมชั่นสำหรับร้านนี้จะได้รับ เมนูขึ้นชื่อคือ “เนื้อซาการิ” 1 จาน

“สถานีแห่งความสุข” หรือ Kofuku station และ สถานีเมืองแห่งความรัก Aikoku station

สถานีโคฟุคุ นั้นเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1956 และโด่งดังขึ้นมาเพราะในปี 1973 ได้มีรายการทีวีจากช่อง NHK ชื่อ “การท่องเที่ยวครั้งใหม่ในญี่ปุ่น” ได้นำเสนอ “สถานีแห่งความสุข” กับ “สถานีเมืองแห่งความรัก” ในรายการ จากนั้นก็มีเพลงที่ถูกเขียนขึ้นมาชื่อว่าเพลง “จากดินแดนแห่งความรักสู่ดินแดนแห่งความสุข” ซึ่งก็ทำให้ทั้ง 2 สถานีนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด แม้ว่าในปัจจุบันทั้ง 2 สถานีจะไม่ได้ถูกใช้งานแล้วแต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปเยี่ยมชมอยู่เสมอ

ที่สถานีแห่งความสุข โคฟุคุ จะมีตั๋วรถไฟสีชมพูขนาดใหญ่ขายอยู่ที่สถานี นักท่องเที่ยวส่วนมากที่ไปกับคู่รักจะเขียนคำอวยพรลงบนบัตรและติดตั๋วนั้นเอาไว้ที่สถานีแห่งนี้ ทำให้ตัวสถานีนั้นล้อมรอบไปด้วยสีชมพูและคำขอพรเกี่ยวกับความรัก ซึ่งมองดูแล้วก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วยดั่งชื่อสถานี อีกทั้งที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับการจัดงานแต่งงานที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งเช่นกัน

นอกจากตั๋วรถไฟสีชมพูขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังมีตั๋วรถไฟแบบโบราณขนาดเล็กเท่าของจริงขายด้วย เราสามารถที่จะให้เจ้าหน้าที่ประทับวันที่เราต้องการให้มีบนตั๋วได้ เจ้าหน้าที่จะปั้มวันที่ให้ตามที่เราต้องการเลยค่ะ

โรงงานกลั่นเหล้าสาเก เฮคิอุนกุระ Hekiungura

Kamikawa Taisetsu Sake brewery เป็นโรงกลั่นเหล้าของท้องถิ่น ที่ผลิตเหล้าสาเกยี่ห้อ Hekiungura สถานที่แห่งนี้ ทางมหาวิทยาลัยโอบิฮิโระ Obihiro University of Agriculture and Veterinary Medicine ร่วมมือกับบริษัทคามิคาวะ ไทเสะซึ จัดสร้างขึ้นมา ทางมหาวิทยาลัยเดิมทำวิจัยเกี่ยวกับยีสต์และการหมัก รวมไปถึงการศึกษาพัฒนาการผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นองค์ประกอบสำคัญของ “อาหาร” และได้ร่วมมือกันทำโรงกลั่นเหล้าขึ้นมา พร้อมทั้งเปิดโซนที่สามารถให้นักท่องเที่ยวที่สนใจกรรมวิธีในการกลั่นเหล้าได้เข้าเยี่ยมชมด้วย การบรรยายภายในโรงงานการกลั่นเหล้านั้นจะมีเพียง “ภาษาญี่ปุ่น” เท่านั้น

ข้าวที่ใช้ผลิตก็เป็นวัตถุดิบจากท้องถิ่น การกลั่น การหมักนั้นทางเจ้าหน้าที่แนะนำให้มาช่วงเช้าเพราะจะมีการตักข้าวนำไปหมัก หรือช่วงบ่ายโมงที่จะมีการล้างข้าวให้ชม การเข้าชมเราจะสามารถดูได้ตั้งแต่กระบวนการล้างข้าว หมักข้าว และบรรจุหีบห่อ หลังจากชมกรรมวิธีการกลั่นเหล้าสาเกแล้ว ก็ยังมีโซนสำหรับให้ซื้อเหล้าสาเก และของที่ระลึกอื่นๆ กลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย

เหล้าสาเกของที่นี่ผ่านการประกวดชนะรางวัลที่หนึ่งของปี 2022

ถ้าซื้อผ้า ทางร้านจะมีบริการห่อขวดให้ด้วย

ซอฟครีมอร่อยๆ ที่ Café Shocora คาเฟ่ ช้อกโคล่า

คาเฟ่ บาร์ ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เดินทางเมื่อยล้า มานั่งดื่มกาแฟชมวิวหิมะ นั่งฟังเพลงสบายๆ สักนิดก็ดีเหมือนกัน บรรยากาศและการตกแต่งของร้านเป็นแบบเรียบๆ นั่งสบาย เพดานที่สูงทำให้รู้สึกโอ่โถ่งสบายตา

นอกจากจะมีกาแฟอร่อยๆ ให้ได้ดื่มแล้ว หากเรามีแอพ Horai ก็สามารถที่จะโชว์และรับซอฟครีม “ฟรี” ได้เลย 1 อัน ซอฟครีมของร้านนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะทางร้านนั้นมีฟาร์มวัวเป็นของตัวเอง ดังนั้นนมที่ใช้ผลิตซอฟครีมก็นำมาจากฟาร์มของร้านเองเลย และแน่นอนว่าเป็นซอฟครีมที่หอมนม นุ่มนวลมากๆ แม้อากาศจะหนาวเย็นแค่ไหน แต่ซอฟครีมก็อร่อยได้ในทุกฤดูกาล ร้านนี้ที่ชั้น 2 จะมีบาร์ให้นั่งดื่มแบบสบายๆ ในช่วงเย็นเช่นกัน สามารถมาได้ตลอดเวลาเลย

บาร์รถม้า BASHA BAR

รูปถ่ายจาก : good going tokachi

รูปถ่ายจาก : good going tokachi

การแข่งม้าลากเลื่อน Banei Horse Racing ที่มีเพียงแห่งเดียวในโลกนั้นขึ้นชื่อมาก ณ ที่โอบิฮิโระ แม้ว่าเวลาผ่านไป รถยนต์ เครื่องจักรเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของผู้คนมากขึ้น แต่ชาวเมืองก็ยังอยากที่จะขอบคุณม้าเหล่านี้ที่เคยสร้างชื่อเสียง และช่วยให้ผู้คนในชุมชนได้มีความสุข

บาร์ดื่มบนรถม้าเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้ แม้ว่าในฤดูหนาวจะไม่มีบริการนี้เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่หากมาในฤดูอื่นจะสามารถจองทัวร์ นั่งดื่มบนรถที่ตกแต่งให้เป็นบาร์ที่สามารถดื่มเหล้าสาเก หรือคราฟเบียร์ของชุมชม โดยมีม้าลากเราไปรอบๆ เมือง การได้ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโอบิฮิโระแบบ 360 องศา จากบนรถม้าลากนั้นเรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ

รูปถ่ายจาก : good going tokachi

รูปถ่ายจาก : good going tokachi

“มุมมองของเมืองโอบิฮิโระจะเปลี่ยนไปตามรถม้าที่วิ่ง และวิวจากบาร์รถม้าก็จะแปลกตาไปไม่เหมือนก่อน”

รูปถ่ายจาก : good going tokachi

รูปถ่ายจาก : good going tokachi

จากสถานีรถไฟด้วยการเดินเพียง 3 นาทีก็จะไปถึงโรงแรม Hotel Nupka สามารถจองและขึ้นบาร์รถม้าได้จากที่นั่น รอบการเดินทางจะเป็นคอร์สใช้เวลา 50 นาทีด้วยระยะทาง 2 กิโลเมตรรอบตัวเมือง หลังจากสิ้นสุดคอร์สแล้ว สามารถที่จะเดินเที่ยวต่อเองได้อีก เพราะสถานที่ขึ้นรถนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในกลางแหล่งท่องเที่ยวของเมืองโอบิฮิโระเลย

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเมือง โอบิฮิโระ แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีหลายๆ สิ่งที่น่าสนใจรอให้ค้นหาเช่นกัน หากคุณสนใจการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองหลวง ต้องการพักผ่อนสูดอากาศเย็นสบาย ทานอาหารอร่อย ชมวิวภูเขาสวยสุดสายตา สายลมเย็นที่พัดผ่าน ความรู้สึกดีๆ จนเหมือนเวลาได้หยุดความสุขเอาไว้แล้ว

“โอบิฮิโระ โทคาจิ” ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่รอให้คุณได้มานำความสุขกลับไป

แหล่งข้อมูล

ข้อมูลนี้มาจากบริษัท Fun Japan Communications จำกัด
อาจมีการปิดทำการ เปลี่ยนแปลงเวลาทำการ
หรือระงับบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั่วคราว
เป็นต้น โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
โปรดเข้าดูที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการหรือสอบถามกับสำนักงานโดยตรง


คุณอาจชอบ