วัฒนธรรมการดื่มมีคู่โลกมาอย่างยาวนาน หนึ่งในประเทศที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นเอกลักษณ์ คือประเทศญี่ปุ่น ที่พัฒนา “สาเก” ของเหลวรสดีที่เกิดจากการหมักข้าว อันมีรากฐานมาจากการคิดค้นเครื่องดื่มสมัยโบราณของจีน และเผยแพร่มาถึงญี่ปุ่นพร้อมกับการปลูกข้าวเมื่อ 2,500 ปีก่อน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวญี่ปุ่นก็ได้ปรับปรุงวิธีการผลิตเครื่องดื่มชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรสชาติอันมีเอกลักษณ์ จนกลายเป็นเครื่องดื่มประจำชาติญี่ปุ่น บทความนี้จะมีหลายส่วน พาคุณไปจิบสาเก แล้วเรียนรู้เรื่องเครื่องดื่มชนิดนี้ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ วัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต รสชาติ ภาชนะที่ใช้ และ มารยาทในการดื่ม
ย้อนประวัติศาสตร์แห่งสาเก
การมีอยู่ของสาเกในญี่ปุ่น ถูกพบในเอกสารประวัติศาสตร์จีนในศตวรรษที่ 3 ระบุว่า "คนญี่ปุ่นดื่มสาเก พวกเขาดื่มสาเกเป็นกลุ่มเมื่อกำลังไว้ทุกข์" การดื่มสาเกมีทั้งในราชสำนัก วัด ศาลเจ้า กระทั่งแผ่ขยายถึงประชาชนทั่วไป สาเกจึงถือเป็นเครื่องดื่มที่มีรากเหง้าจากธรรมชาติ ประเพณี วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ปัจจุบันเครื่องดื่มที่มีลักษณะคล้ายสาเกมีจำหน่ายในญี่ปุ่นเท่านั้น กลายเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก
3 วัตถุดิบ หัวใจการทำสาเก
วัตถุดิบหลักในการหมักสาเก ประกอบด้วย ข้าว (ทั้งสายพันธุ์ข้าวสำหรับรับประทานทั่วไปและข้าวสาเกพิเศษ) น้ำ และโคจิ ผ่านกระบวนการหมัก ที่ต้องใช้ทักษะที่ซับซ้อนในการผลิต ตั้งแต่การนึ่งข้าว หมักวัตถุดิบ การกรอง แต่งรส ไปจนถึงการบ่ม โดยปกติแล้วปริมาณแอลกอฮอล์จะถูกปรับให้อยู่ที่ประมาณ 15% ซึ่งสามารถรับประทานคู่กับอาหารได้เป็นอย่างดี
สาเกจะมีรสเปรี้ยวน้อยกว่าและมีรส “อูมามิ” มากกว่าไวน์ มีเนื้อสัมผัสทั้งแบบมีฟอง แบบมาตรฐาน และแบบครีมมี่ ที่มีความเข้มข้น นอกจากนี้ผู้ผลิตยังสามารถรังสรรค์กลิ่นอโรม่าได้ทั้ง กลิ่นผลไม้ ดอกไม้ ถั่ว น้ำผึ้ง หญ้า เครื่องเทศ ไม้ เห็ด โยเกริ์ต ชีส เนย และอื่นๆ เพื่อสร้างความแตกต่างด้วยส่วนประกอบของกลิ่น เนื้อสัมผัส และรสชาติของสาเก ความสมดุลของส่วนประกอบเหล่านี้จึงถือเป็นตัวกำหนดความประทับใจต่อรสชาติของสาเก
รู้จักประเภทสาเกก่อนดื่ม
จากข้อมูลในปี 2563 มีผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสาเกถึง 1,720 ราย สาเกจึงวางจำหน่ายอยู่มากมาย ซึ่งสามารถแบ่งประเภทสาเกหลักๆ ได้ ดังนี้
- Junmai-shu (จุนไม-ชู) เหล้าสาเกบริสุทธิ์และไม่มีการเติมแอลกอฮอล์ ไม่มีการเติมแป้ง น้ำตาล หรือสารปรุงแต่งอื่นๆ เพิ่มเติม
- Ginjo-shu (กินโจ-ชู) ทำจากข้าว 40% ที่ผ่านการสี ในขณะที่ 60% ยังคงขนาดเดิมไว้ มีกลิ่นหอมที่ยอดเยี่ยมและมีรสชาติที่ละเอียดอ่อนและเบาบาง
- Daiginjo-shu (ไดกินโจ-ชู) เป็นประเภทหนึ่งของกินโจ-ชูนอกจากนี้ใช้ข้าวบดที่ทำจากข้าวสาเกที่มีข้าวสีเป็นเปอร์เซ็นต์ระหว่าง 35-50% มีกลิ่นหอมสูงและมีรสชาติที่ละเอียดอ่อน
- Honjozo (ฮนโซโจ) สาเกระดับพรีเมียมที่ข้าวถูกขัดสีออกจนเหลือ 70% มีกลิ่นที่หลากหลาย ดื่มง่าย
- Tokubetsu Honjozo (โทคุเบทสึ ฮนโซโจ) สาเกที่ผลิตด้วยสัดส่วนการขัดสีข้าว 60% หรือผลิตด้วยกรรมวิธีพิเศษ
